Menu.Menu.
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
story
Waritsara Kulapong
photographer
published
16.4.24
days-since-publication
Thai
English
View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

‘Book is not a prop’ เมื่อหนังสือมีไว้ถ่ายรูป ไม่ได้มีไว้อ่าน

       ในยุคที่คนทั่วโลกใช้เวลาว่างคลุกคลีกับโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นงานอดิเรก ข้อมูลจาก Demand Sage ระบุว่าในปัจจุบันมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในประเทศไทยถึง 54.7 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 65 ล้านคน ไม่ว่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์ในการทำงาน การเรียนหรือความบันเทิง เหตุผลอย่างหนึ่งของการใช้โซเชียลมีเดียก็เพื่อสอดส่องเรื่องราวที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อตามทันโลกที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่แทบจะทุกวัน

‍

       ด้วยเทรนด์การแชร์งานอดิเรกของตนเองผ่านช่องทางโซเชียลแพล็ตฟอร์ม ผู้ที่มีความสนใจในกิจกรรมคล้ายคลึงกันจึงก่อตั้งสร้างคอมมูนิตี้กันในโลกอินเทอร์เน็ต และแน่นอนว่าชมรมคนรักหนังสือเองก็ไม่มองข้ามการอาศัยช่องทางเหล่านี้เพื่อรู้จักผู้คนใหม่ ๆ และแชร์ความหลงใหลในหน้ากระดาษกับคนที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น BookTube ทาง Youtube, Bookstagram ทาง Instagram และ BookTok ทาง TikTok ซึ่งกำลังมาแรงแซงทางโค้งที่สุดในบรรดาคอมมูนักอ่านทางโลกโซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลถึงขนาดที่ว่าในร้านหนังสือต่างประเทศบางแห่งต้องมีการจัดโซน #BookTok เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นการขาย

‍

‍

หนังสือคือฉากหลัง

       ในปัจจุบันที่ใคร ๆ ก็ใช้โซเชียลมีเดีย และมองการสร้าง Online Branding เป็นสิ่งสำคัญแล้วนั้น ในเวลาที่เทรนด์การอ่านหนังสือกำลังกลับมาแบบนี้ จะให้พลาดโอกาสสร้างภาพลักษณ์ดี ๆ ไปได้ยังไง

       สิ่งที่น่าสนใจของวงการนักอ่านในสมัยนี้คือ การยกให้ Aesthetic เป็นสิ่งที่มีบทบาทต่อการเลือกซื้อหนังสือ โดยโฟกัสกับการสร้าง Visual Language เพื่อสื่อสารตัวตนที่เราอยากให้ผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียมองเห็นตรงกัน ยกตัวอย่างเช่น หากอยากให้คนมองเป็นคนจริงจังและภูมิฐาน ก็โพสต์ภาพที่ให้คนดูเห็นปก Sapiens, 1984 หรือ The Alchemist วางอยู่ใกล้ตัว และถ้าอยากดึงดูดผู้ติดตามชาว hopeless romantic ก็โพสต์คลิปที่เผยให้เห็นชั้นหนังสือที่มองเห็นสันปกนิยายรักดัง ๆ อย่าง Love Hypothesis, Pride and Prejudice และ Red, White & Royal Blue

      

แต่การซื้อหนังสือมาเพื่อถ่ายทำคอนเทนท์ จะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อใคร ในทางกลับกันก็เป็นการช่วยเกื้อหนุนให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกประเภทที่มีกองหนังสือเป็นของประดับเพื่อถ่ายคลิปถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะอ่านหรืออุดหนุนวงการหนังสือโดยตรง อย่างเช่น การไปเช็คอินตามห้องสมุดสาธารณะ โพสต์ท่าถ่ายรูปเสร็จสรรพ แล้วมานั่งตากแอร์ไถมือถือ ไม่ได้สนใจหยิบหนังสือมาอ่านจริง ๆ หรืออย่างการแวะไปร้านหนังสืออิสระเล็ก ๆ ที่เขารีวิวกันว่าน่ารัก บรรยากาศน่าเข้า และคว้าหนังสือที่ไร้ซีลพลาสติกหุ้มป้องกันมาถ่ายทำคอนเทนท์กันจนเยิน สุดท้ายหนังสือเล่มที่สภาพบอบช้ำก็มีโอกาสขายออกน้อยลง สร้างความลังเลใจให้คนที่ต้องการซื้อ ทำให้ร้านหนังสือ local บางแห่งเสียรายได้ตรงนี้ไปโดยไม่ตั้งใจ

‍

‍

เก็บเข้ากองดอง

       จากสถิติยอดขายหนังสือในงานหนังสือแห่งชาติครั้งที่ 51 ในปี 2023 มียอดขายอยู่ที่ 350 ล้าน ซึ่งมากกว่าในปี 2022 ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 199 ล้าน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 50 ในปี 2022 มีจำนวนบูธอยู่ที่ 584 บูธ และจำนวนผู้เข้าชมงานราว ๆ 715,000 คน ซึ่งน้อยกว่างานในปี 2023 ที่มีบูธให้แวะเวียนถึง 902 บูธและมีผู้มาร่วมงานมากกว่า 1.1 ล้านคน ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในปี 2022 นั้นน้อยกว่าปี 2023 อันเนื่องมาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงสองปีก่อนหน้านั้น

‍

       ตัวเลขบอกได้ว่า ธุรกิจวงการหนังสือกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 อย่างก้าวกระโดด แต่การซื้อหนังสือ ไม่ได้เท่ากับการอ่านหนังสือ และผู้ซื้อก็ไม่เท่ากับผู้อ่าน จึงเกิดคำว่า ‘กองดอง’ ขึ้นมาเพื่อใช้เรียกกองหนังสือที่ซื้อมาแต่ไม่เปิดอ่านสักที เป็นพฤติกรรม Book Haul หรือ Book Shopping Spree โดยพฤติกรรมเน้นซื้อแต่ไม่เน้นอ่านที่ว่านี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั่วโลก จนเกิดคำศัพท์ที่น่าสนใจทั้ง Bibliomania และ Tsundoku แล้วสองคำนี้ต่างกันยังไง?

‍

‍

       Bibiomania คืออาการบ้าหนังสือ เห็นแล้วเป็นต้องซื้อเพื่อสะสมมากกว่าอ่าน มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะตามล่าหนังสือหายากมาไว้ในครอบครอง ส่วน Tsundoku ใช้เรียกคนบ้าซื้อหนังสือเช่นกัน แต่เจตนาเบื้องต้นคือซื้อมาเพื่ออ่าน แต่ด้วยสถานการณ์อะไรก็ตามแต่กลายเป็นว่าหนังสือที่ซื้อมาถูกวางเก็บเข้าชั้น ถูกยัดเข้ากล่อง ไม่ได้ถูกเปิดอ่านอย่างที่ตั้งใจไปในท้ายที่สุด

‍

       สุดท้ายแล้ว ใครจะซื้อหนังสือมาเพื่อการใดก็สุดจะแล้วแต่ จะมีไว้ถ่ายรูป ตั้งโชว์ หรือสะสมก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีกฎตายตัว ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย แต่คุณค่าที่แท้จริงของหนังสือนั้น จะถูกเติมเต็มก็ต่อเมื่อมีคนเปิดอ่าน การสัมผัสจิตวิญญาณของผู้ประพันธ์จากตัวหนังสือที่เรียงร้อยบนหน้ากระดาษย่อมเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่ควรถูกมองข้าม หากเราต้องการต่อลมหายใจวงการหนังสือกันจริง ๆ นอกจากสนับสนุนยอดขายหนังสือแล้ว ก็ควรเห็นความสำคัญของการเปิดหน้าหนังสือและตั้งใจอ่านมันดูจริง ๆ สักครั้งด้วยเช่นกัน

‍

Reference:

demandsage

‍

prachachat

‍

pubat

‍

bbc

‍

etymonline

‍

youtube

‍

Read more
No items found.
Read more
No items found.
Archive
About Us
Collaborate with Us
Contact Us
Subscribe to EQ
Stay up to date with the latest stories
Thank you!
Oops! Something went wrong while submitting the form.