คุยกับ KIKI กรู๊ฟไซไฟสุดเนี้ยบที่อยากพาคนฟังทะยานสู่อวกาศกับอัลบั้มใหม่
ลมหนาวยังคงหายใจอยู่ในยามบ่ายที่ EQ นัดสัมภาษณ์กับ KIKI (กีกี้) วงร็อก ป๊อป ฟังก์ อิเล็กทรอนิกส์จาก Parinam Music โดยมีสมาชิกหลักคือ เฮเลน-เฮเลน่า อะมาร็องตินิซ์ พันธุ์สุข (ร้องนำ), บอส-ภูริช พันธุ์สุข (กีต้าร์, ซินท์ธีไซเซอร์) และนนท์-ธนญ แสงเล็ก (กีต้าร์)
พวกเขาเล่าว่า ชื่อวงไม่ได้มาจากการ์ตูนแม่มดน้อยและไม่ใช่สมุนตัวร้ายในมาสก์ไรเดอร์ แต่เป็นเพราะชื่อแรกอย่าง JUJU (แมวของเฮเลน) ดันไปซ้ำกับศิลปินญี่ปุ่น พวกเขาจึงมองหาคำอื่นที่สั้น ง่าย สตรอง และโดดเด่นเมื่ออยู่บนไลน์อัปประชาสัมพันธ์ต่างๆ หวยจึงมาออกที่ ‘KIKI’
“มันย้อนไปถึงตอนที่เพื่อนชื่อกู้เรียกเราว่า ‘กีกี้’ เพราะมันบอกว่าชื่อเฮเลนเรียกยาก ขอเรียกว่ากีกี้กับกูกู้นะ เรียกแบบนี้ครั้งแรกตอนกู้พาเราไปแนะนำตัวกับพี่บอส เป็นกีกี้กับกูกู้ แล้วมีแค่คนเดียวที่เรียกเราแบบนี้” เฮเลนแรปให้ EQ ฟังถึงความทรงจำเมื่อหลายปีที่แล้ว
KIKI ฟอร์มวงในปี 2021 ท่ามกลางความคุกรุ่นของโรคระบาดโควิด-19 และอุณหภูมิทางการเมืองไทย ผลงานอีพีแรกจึงโฟกัสที่ปัญหาสังคมเป็นหลัก ปีถัดมา พวกเขาทำอัลบั้มแรกและเลือกพูดถึงอาการผิดหวังบนเส้นทางก่อนเจอร่างสมบูรณ์ของตัวเอง ส่วนอัลบั้มที่สองอาจเรียกได้ว่าเป็นการโฟกัสกับตัวเองหลังเผชิญเรื่องหนักหน่วง อย่างไรก็ตาม วิธีการทำงานที่ผ่านมาเป็นเพียงการกำหนดธีมคร่าวๆ และปล่อยอารมณ์ให้ไหลไประหว่างการเขียน ร้อง อัด มิกซ์ และโปรดิวซ์กันเอง
ในปีนี้ KIKI มีแพลนปล่อยอัลบั้มใหม่ โดยปล่อย 2 ซิงเกิลมาให้ชิมกันเบาๆ แล้วอย่าง Love is so Unreal และ Baby ที่ได้ อาร์ท-อรรณพ มุสิกโปดก อดีตมือกีต้าร์แห่ง GOOSE มาละเลงวิชวลของทั้งปกซิงเกิลและ MV อัลบั้มนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ KIKI ที่อยากให้ผลงานกลมกล่อมและดีขึ้นกว่าเดิม
“อัลบั้ม 3 เป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้ดีกว่าเดิม รอบนี้เรามองมันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง จะวนเวียนกับความรักมากขึ้น ความรักที่ดี ความรักที่ไม่ดี ความรักหลายรูปแบบ เพราะเป็น topic ที่เรายังไม่ค่อยแตะเท่าไร”
ตามมาพูดคุยถึงหมุดหมายปี 2025 และมาหาแรงบันดาลใจกันต่อเลย!

หลังจากปล่อยอีพี We’re blamed for who we are, and the we are forgotten (2021) อัลบั้ม Metamorphosis: Final Stage (2022) และ Post-existential Crisis (2023) อยากรู้ว่า KIKI ในปัจจุบันนิยามตัวเองว่าอะไร?
บอส : มีความสนุก มีกรู๊ฟอยู่ในทุกอย่าง
นนท์ : มีอิเล็กทรอนิกส์บ้าง นิดหน่อย
เฮเลน : เรื่องของเรื่องคือ ต่างคนต่างชอบวงหลากหลายมากๆ เรารู้สึกว่าถ้าเราเอาสิ่งที่เราชอบทุกแบบมาอยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
บอส : เรารู้สึกว่า เราทำแนวดนตรีกันประมาณไหนก็ตาม สุดท้ายมันอยู่ที่การรับรู้ของคนฟังว่าเขาผ่านเพลงอะไรกันมาบ้าง แล้วเขาจะคิดว่าเราคือแนวไหน เพราะสุดท้ายพอคนทำทำไปเรื่อยๆ ผสมนี่ผสมนั่น เรามีแก่นของเราอยู่แหละ จะให้มันเป็นอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปก็เป็นได้นะ แล้วแต่ว่าคนฟังเขารู้สึกยังไง
สำหรับเรา เรามองว่า KIKI มีความเป็น Sci-fi Funk
บอส : จริงๆ ก็ใกล้กับคอนเซ็ปต์ที่เราทำเป็น Disco space
เฮเลน : เรามีวงอิเล็กทรอนิกส์หลายวงที่ชื่นชอบ แต่พอดูเขาเล่นสด มันไม่ได้สด เราเลยอยากถ่ายทอดความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในรูปแบบของแบนด์
บอส : นั่นคือจุดประสงค์ที่เราเอาอิเล็กทรอนิกส์มาผสมและนำเสนอในรูปแบบของ live เพราะวงที่เราทั้งสามคนชอบมากๆ ก็คือ Daft Punk แต่เขาก็ไม่เคยเล่นเป็นแบนด์ให้เราเห็นสักที แต่เขาอัดอัลบั้ม Random Access Memories (2013) เขาอัดจริง นั่นคือสิ่งที่เราอยากได้ยินจากเขา
พูดถึง Daft Punk มีศิลปินที่ชอบกันอีกมั้ย?
เฮเลน : เฮเลนชอบ Phoenix
บอส/นนท์ : เราก็ชอบ
บอส : ส่วนใหญ่เราจะวนเวียนอยู่กับเฟรนช์ป๊อป อาจจะเป็นจุดร่วมเดียวกัน
เฮเลน : เหมือนเราต้องฟังเพลงมากขึ้น เพราะเราผลิตเองด้วย การเสพมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน
เพลงของ KIKI อยากพูดถึงเรื่องอะไร?
เฮเลน : ตอนอีพีแรก เราอิงเรื่องการเมือง เพราะเป็นช่วงที่การเมืองดุเดือดมาก และเราเพิ่งฟอร์มวงกัน เรามีเรื่องที่อยากเขียนถึง แต่เราใหม่มากกับการเขียนเพลง ซึ่งปกติเราอ่านหนังสือ เราเขียนอยู่แล้ว แต่พอเป็นเพลง เราไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงดี ถ้าเปิดตัวด้วยเพลงรัก เราก็ยังนึกไม่ค่อยออก เราเลยลองมาโทนหม่นๆ มีความไม่สว่าง เราอยากพูดในจุดที่หลายคนยังไม่ได้พูดผ่านการบรรเลงเพลง พอมาเป็นอัลบั้ม Metamorphosis: Final Stage (2022) ช่วงนั้นยังเป็นช่วงโควิด-19 พออยู่บ้านบ่อยๆ เรารู้สึกหดหู่ เลยอยากทำเพลงที่ให้กำลังใจคน และเราอยากพูดเรื่อง personal จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมาด้วย จะวนเวียนตรงนั้น คนเขียนเพลงก็เหมือนผู้ประพันธ์คนหนึ่ง และเรายังไม่ได้เปิดโลกมากพอที่จะสร้าง scenario ใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดสิ่งใหม่ เรายังไม่มี capacity เพื่อสร้างเรื่องราวใหม่ๆ สมมุติมีโจทย์ให้แต่งเพลงรักหรือเพลงอื่นๆ แต่เรายังหาตัวเองอยู่เลย เราไม่มีความมั่นใจมากพอจะไปลุยตรงนั้น เราคิดว่าการเล่าเรื่องที่เราเจอมาน่าจะง่ายที่สุด
บอส : Metamorphosis: Final Stage (2022) เล่าเรื่องตัวเองทั้งหมด มีทั้งเรื่องการผิดหวังและจบลงด้วยการมีความหวัง มันเหมือนเป็นวงจร เปลี่ยนฟอร์มตัวเองไปเรื่อยๆ เราคนหนึ่ง เวลาเจออะไรก็ตาม เราเปลี่ยนฟอร์มไปจนเจอร่างสมบูรณ์ของเรา
เฮเลน : เราไม่ได้มองว่าเราอยู่จุดพีคหรือจุดสูงสุดนะ แต่เราพูดถึงความต้องการ ความกล้า แพชชั่น เราไม่รู้ว่าที่อื่นเขาทำงานกันยังไง มีขอบเขตแบบไหนบ้าง แต่อยู่กับ KIKI เราต้องฟรี นั่นคือเป้าหมายเราว่า จบอัลบั้มนี้หรืออัลบั้มนี้เป็นต้นไปเราจะเป็นตัวของเรา
อัลบั้ม Post-existential Crisis (2023) ล่ะ?
เฮเลน : เราวางแผนอัลบั้มให้แข็งแรงมากๆ ดีกว่าเดิมมากๆ แต่เราดันเจอเรื่องราวในชีวิตก่อนช่วงนั้นที่ทำให้เราไปต่อได้ยากมาก มันเกิดความสะเปะสะปะนิดหนึ่ง
บอส : ถ้ามองดีๆ มันคือ Crisis ของเฮเลนในปีนั้น เพราะพ่อเฮเลนเสีย
เฮเลน : แต่โดยปกติแล้วจะไม่ค่อย address ว่าเพลงนี้คือเรื่องอะไร ถึงแม้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราไม่ชี้นำ เว้นแต่จะมีคนถาม
พอเนื้อเพลงเป็นเรื่อง personal ของเฮเลน คำถามคือบอสกับนนท์ซัพพอร์ตในพาร์ทดนตรียังไงให้ทำงานร่วมกันได้?
นนท์ : ปกติดนตรีขึ้นมาก่อน แล้วให้เฮเลนไปตีความว่ารู้สึกยังไง อยากบอกอะไร
บอส : ตอนแรกจะคุยเรื่องธีมหรือโครงของดนตรีคร่าวๆ ก่อน
นนท์ : ดนตรีก็มาจากภาพนี่แหละ เห็นภาพท้องทะเล ชายหาด คลื่นทะเล
บอส : พอมาถึงเฮเลน เฮเลนก็หาเรื่องราวมาคิดเนื้อร้องและเมโลดี้ อัลบั้มที่ 2 ก็เลยกลายเป็นเรื่องราวส่วนตัวเหมือนเดิม แต่จะตีความได้กว้างกว่าเดิม

ทำไมเขียนเพลงภาษาอังกฤษ?
เฮเลน : เป็นคำถามที่เราเจอบ่อยนะ คือเป้าหมายตอนเราทำเพลง เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวเราขนาดนั้น ภาษาไหนมันก็คือภาษา มันคือการสื่อสาร นอกเรื่องเนื้อหาแล้ว ดนตรีคือการ expression เหมือนเราฟังเพลงจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เราไม่เข้าใจนะ แต่เราฟังแล้วอิน ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราใช้ เราถนัด เราน่าจะสื่อสารได้ดีที่สุด ถ้าลองตัดเนื้อร้องเราออก ดนตรีก็คือภาษาของโลกแล้วนะ ถ้าเรามีแค่ดนตรีเฉยๆ ใครที่ไหนก็ฟังได้ ไม่ต้องใช้ภาษาอะไรเลย ภาษาเหมือนเป็นแค่สื่อกลางที่ขยายความดนตรี ทำให้มันกลมขึ้น แค่นั้นเอง
Process การทำงานโดยปกติของ KIKI ตอนนี้เป็นยังไง?
นนท์ : ทำที่บางนา ส่งไฟล์ไปที่งามวงศ์วาน
บอส : แล้วก็ย้อนกลับไปที่บางนา ไม่มีคนอื่น อย่างมากก็ไปอัดกลองจริง เพราะอยากได้ซาวด์เฉยๆ
นนท์ : โปรดิวซ์กันเอง
เฮเลน : เอาแต่ใจตัวเองได้เต็มที่
แล้วอัลบั้มใหม่จะเล่าเรื่องประมาณไหน?
เฮเลน : เราอยากทำอัลบั้ม 3 ให้มันดี รอบนี้เรามองมันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง เราจะวนเวียนกับเรื่องความรักมากขึ้น มันเป็น topic ที่เราไม่ค่อยไปแตะเท่าไร ความรักที่ positive นะ แต่มี downfall ของมันด้วย ความรักที่ดี ความรักที่ไม่ดี ความรักหลายรูปแบบ มีเรื่องเพื่อนและ energy ที่ดีรอบๆ ด้วย แล้วก็มาเป็นเพลงสุดท้ายชื่อว่า ‘Oyster’ เพลงหอยนางรม เพราะว่าตอนแต่งหิว อยากกินหอยนางรม
นนท์ : ตอนแรกอยากไปอวกาศกัน สุดท้ายกลับมา อ้าว หอยนางรม
บอส : ไซไฟเป็นแค่ธีม ธีมของเพลง ธีมของดนตรี เพราะเรื่องราวในหนังไซไฟ ก็ไม่จำเป็นต้องโคตรไซไฟ เราว่ามันเป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่ไปอยู่ในเซตอัพของหนังแบบนั้น อัลบั้มนี้คือการร้อยเรียงเรื่องราวที่เจอ คนจะมองว่ามาจากต่างดาวก็ได้ หรือคนจะมองว่าเหตุเกิดในจิตใจก็ได้ เราอยากให้ธีมกับภาพมีความเป็นไซไฟ แต่แก่นของเรื่องก็ไม่อยากให้ไซไฟ จนคนรู้สึกจับต้องมันไม่ได้
ตั้งแต่ฟอร์มวงในปี 2021 ถึงตอนนี้ มีประสบการณ์ทัวร์ที่ประทับใจบ้างไหม?
เฮเลน : ฝรั่งเศส
บอส : มันครบรสเลย ระหว่างเดินทางก็ต้องนั่งรถไฟไป เราต้องแบกเครื่องดนตรีกันเองหมด ต่อรถไฟครั้งหนึ่งต้องวิ่งระหว่างชานชาลาภายใน 10 นาที ของก็พะรุงพะรัง วิ่งล้มเข่าแตก ขึ้นไปบนรถไฟมีคนมาหาเรื่องอีก แต่ไปถึงเมืองแซงต์-นาแซร์ มีโปสเตอร์ชื่อเราอันเบ้อเริ่มเลย ที่งานเขาดูแลดีมาก ที่พักศิลปินเป็นรถบ้าน เราเพิ่งได้นั่งรถบ้านครั้งแรก เป็นยุโรปครั้งแรก
เฮเลน : แล้วเขาทำน้ำขิงสดให้สำหรับนักร้อง มันไกลกว่าที่เราคิดอยู่มาก
บอส : พอไปถึงมีเด็กผู้หญิงชูป้ายไฟด้วย
เฮเลน : พ่อแม่เขาบอกว่า ลูกเขานั่งทำทั้งวันเลย น่ารักมาก
บอส : เป็นเฟสติวัลที่จัดในเมือง มีเล่นในเฟสติวัล 2 วัน และก็ให้เป็นเล่นตามบาร์ในเมือง และจะมีวงจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส
เหมือนเป็นงาน Music City ?
บอส : ใช่ๆ เหมือนเขาพยายามให้คนมาเที่ยวเมืองนี้ ซึ่งทำได้จริงๆ คนเต็มเมืองเลย
เฮเลน : แล้วเขาบอกว่าปกติเมืองเงียบมาก
มีที่ไหนที่อยากไปเล่นกันอีกมั้ย?
เฮเลน : อยากไปอเมริกาใต้ เรามีแฟนคลับจากบราซิล เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้เยอะมาก
บอส : เห็นหลังบ้านและก็ตามคอมเมนต์ อยากไปมาก เอาจริงๆ อยากไปทุกที่ที่ไม่เคยไป อยากไปเจออะไรใหม่ๆ
ถ้าในเอเชียล่ะ?
เฮเลน : เกาหลีใต้
บอส : เกาหลีคนมันสนุกมากเลย
นนท์ : อาหารอร่อยสุด
บอส : พออยู่หลายๆ วันมันตัดความเลี่ยนของเราได้ มันมีทั้งเปรี้ยวและความเผ็ดแท้ๆ และคนเกาหลีดูแบบคลั่งมากๆ แต่ก็แล้วแต่ที่ ที่ญี่ปุ่นคนก็จะตั้งใจดูมากๆ เหมือนเราตีปิงปองแล้วมีคนตีกลับเรื่อยๆ

มีความท้าทายอะไรในปี 2025 สำหรับ KIKI บ้างมั้ย?
บอส : มันท้าทายในโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่า ทุกคนน่าจะสนุกขึ้น เราไปตามจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองหลัก คนเปิดใจฟังเพลงมากขึ้น มีวงใหม่ๆ มากขึ้น คนยอมรับมากขึ้น ต่างประเทศสนใจซีนดนตรีไทยมากขึ้น เราว่าจะสนุกมากขึ้น
นนท์ : น่าจะเป็นปีที่วงดนตรีปล่อยเพลงกันมากขึ้น
เฮเลน : เราว่าน่าจะไม่มีคำว่า ‘ท้าทาย’ เพราะพอโอกาสมากขึ้น คนก็จะแข่งขันกันมากขึ้น แต่เราแข่งกับตัวเองก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ได้ท้าทายในมุมของเรา แต่ว่าคนอื่นที่อาจจะเพิ่งเริ่มเข้ามาในวงการ อาจท้าทายในมุมที่ว่ามี competitor เยอะมากขึ้นเฉยๆ แต่ช่างมัน จะทำอะไรทำ จะปล่อยอะไรก็ปล่อย เราว่าทุกๆ ปีบาร์พวกนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อยากบอกอะไรกับคนที่กำลังทำเพลงอยู่และอยากมีโอกาสไปไกลแบบ KIKI บ้าง?
เฮเลน : ทำไปเลย ช่างแ*ง
บอส : ขยันทำเพลง ทำโชว์ให้สนุก และอิมแพ็กในแบบของเรา เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเราไปเล่นต่างประเทศ ทุกคนมาดิสโคเวอร์เรา เขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักช่างมัน เอาให้อยู่หมัดในแบบของเรา
เฮเลน : ง่ายๆ คือเอาให้ตัวเองสนุก ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ อะไรที่ไม่ใช่ตัวเองก็อย่าทำ
บอส : ใช่ ไม่งั้นจะฝืนแล้วไม่สนุก
คำถามสุดท้าย อยากฝากอะไรถึงตัวเองในอีก 5 ปี
บอส : ตู๊ดๆๆๆๆ ส่งเป็นรหัสมอสไป
เฮเลน : ไม่จำเป็นต้อง 5 ปี พรุ่งนี้ก็ต้องเตือนแล้วว่า เราต้องเป็นตัวเองนะ เพราะในวันที่เราไม่เป็นตัวเองและสูญเสียตัวเองมันน่ากลัว บางทีกลับมาไม่ได้ ขอให้ไม่เป็นคนนั้นก็พอ แล้วก็ขอให้ถูกหวย