Menu.Menu.
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
story
ดวงนฤมล วงศ์ใหญ่
photographer
published
26.9.24
days-since-publication
Thai
English
View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

ขนาดเฟอร์นิเจอร์นิ่งๆ ยังขบถสำเร็จมาแล้ว! รู้จัก Surrealist Furniture ชีวิตแหกกรอบจากเฟอร์นิเจอร์เหนือจริง

จำได้ไหมว่าตัวเองแหกกฎครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? “เรียนจบต้องหางานมั่นคง” “30 แล้วแต่งงานหรือยัง” “แต่งงานมานานแล้วเมื่อไหร่จะมีลูกล่ะ” เคยนึกสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมเราต้องทำตามล่ะ ชีวิตมีแค่เส้นทางเหล่านี้เท่านั้นเหรอ? งั้นแหกกฎเป็นขบถบ้างหน่อยจะเป็นไร เพราะรู้ไหมว่าขนาดเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งไว้นิ่งๆ ก็ยังเคยขบถสำเร็จมาแล้ว!  

เมื่อใดที่คนเรียกร้องให้เฟอร์นิเจอร์เป็นมากกว่าสิ่งของที่มีฟังก์ชั่นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้าน เมื่อนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของ ‘เซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์’ (Surrealist Furniture) รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์สุดครีเอทีฟที่แหกกฎและฉีกกรอบของความเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราคุ้นเคย 

วันนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจความเป็นเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละยุคสมัย ไปจนถึงการเกิดขึ้นของเฟอร์นิเจอร์สุดเซอร์เรียล รูปแบบที่อาจเปลี่ยนภาพจำของเราต่อเฟอร์นิเจอร์และชีวิตให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Surreal Furniture (2008)

ก่อนเป็นเฟอร์นิเจอร์สุดเซอร์เรียล

ความหมายโดยทั่วไปแล้ว ‘เฟอร์นิเจอร์’ เป็นคำนิยามถึงวัตถุที่สามารถเคลื่อนย้ายและออกแบบเพื่อตอบสนองการใช้งานในกิจกรรมของมนุษย์ แต่หากจะย้อนไปถึงความเป็นมาของเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละยุคสมัยแล้ว แน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์นั้นมีขึ้นมาก่อนชื่อเรียกของมันเสียอีก 

มนุษย์เราผูกโยงกับสิ่งประดิษฐ์นี้ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในยุคหินเป็นการนำหินมาตั้งเรียงและประกอบกันเป็นรูปร่างของตู้ ชั้นวาง และเตียงตามแบบที่เราพอจะนึกภาพได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวบ่งบอกว่ามนุษย์ต้องการวัตถุอำนวยความสะดวกมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ แต่ถึงอย่างนั้นวัตถุเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความสลักสำคัญอะไรมากไปกว่ามีไว้เพื่อใช้งาน และถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนให้หน้าตาของเฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าวัตถุนี้มีเพียง ‘สไตล์’ ที่เปลี่ยนไป แต่กลับไม่เคยหลุดออกจากกรอบเดิมๆ 

เรื่อยมาจนถึงยุคนี้ เรานิยามฟอร์มของเฟอร์นิเจอร์ปัจจุบันว่าเป็น ‘โมเดิร์น’ (Modern) หรือ ‘ร่วมสมัย’ (Contemporary) แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นกรอบจำแนกแยกแยะให้เรารู้ถึง ‘รูปแบบที่ตายตัว’ ของความเป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่ความเข้าใจนี้ก็ได้ถูกท้าทายขึ้น เมื่อแนวคิดของลัทธิเหนือจริงกำลังจะบอกว่า เฟอร์นิเจอร์สามารถเป็นได้มากกว่ารูปแบบอันตายตัวที่เราเคยรู้จัก นำมาสู่การเกิดขึ้นของเซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์

“I believe in the future resolution of these two states, dream and reality, which are seemingly so contradictory, into a kind of absolute reality, a surreality, if one may so speak.”
“ฉันเชื่อว่าในอนาคต ทั้งสองสภาวะ คือความฝันและความจริงที่ดูจะขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงนี้ จะถูกหลอมรวมกันกลายเป็นความจริงโดยสมบูรณ์ เป็นสภาวะเหนือจริง หากจะเรียกเช่นนั้นก็ตาม” Andre Breton, Manifesto of Surrealism (1924) 

กล่าวได้ชัดเจนว่าจุดเริ่มต้นของแนวคิดทางศิลปะนี้ เริ่มต้นมาจากวรรณกรรมที่ถูกตีพิมพ์ในชื่อ Manifesto of Surrealism (1924) ที่เขียนโดย อังเดร เบรอตง (André Breton) นักกวีและนักวิจารณ์ที่ผู้นำของลัทธิเหนือจริง โดยเทคนิคที่เขามักใช้ในงานเขียนเรียกว่า ‘การเขียนโดยอัตโนมัติ’ (Automatic Writing) มันคือการเขียนอย่างรวดเร็วที่ไหลไปอย่างอิสระ ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับงานศิลป์ในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะจิตรกรรมแห่งลัทธิเหนือจริง

ภายใต้ความอลหม่านในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มีศิลปินกลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังรักษาจินตนาการ และความเป็นไปได้ให้กับโลกที่ดูแสนจะสิ้นหวัง ซึ่งก็คือ ‘กลุ่มดาดา’ (Dada Movement) ที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถามและโต้ตอบความโหดร้ายของสงครามผ่านศิลปะ บทกวี และการแสดง

ค่านิยมเดิมได้ถูกท้าทาย ด้วยความเชื่อในสัญชาตญาณและความไม่สมเหตุสมผล เมื่อสิ่งนี้กลายเป็นกระแสนิยม จึงนำมาสู่รากฐานให้กับ ‘เซอร์เรียลลิสม์’ (Surrealism) หรือ ‘ศิลปะลัทธิเหนือจริง’ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ ปารีสในปี 1924

André Breton

“แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น สับสนงุนงน น่าค้นหา”

นี่คงเป็นส่วนหนึ่งของคำจำกัดความที่ผู้เขียนมีต่อความเป็นเซอร์เรียลลิสม์ แนวคิดทางศิลปะนี้ให้ความสำคัญกับการปลดปล่อยจินตนาการที่อยู่ภายใต้จิตไร้สำนึก (Unconscious mind) มักจะใช้ทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) มาเป็นแนวทางในการอธิบายโดยเฉพาะหนังสือเรื่อง The Interpretation of Dreams (1899) ที่ว่าด้วยการตีความความฝันที่เกิดขึ้นในยามที่จิตไร้สำนึกทำงานในยามหลับ ว่ากันง่ายๆ คือ ศิลปะที่ถูกสื่อสารออกมาจะมีความเป็นอิสระและอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกความเป็นจริงคล้ายความฝัน หรือจะเรียกว่าเป็นสิ่ง ‘อัตโนมัติ’ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาโดยไร้ซึ่งสิ่งคัดกรอง

แนวคิดนี้ไม่ได้ถูกใช้อยู่แค่ในงานจิตกรรมเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมไปยังงานศิลป์แขนงต่างๆ จนนำมาสู่การตั้งคำถามถึงขีดจำกัดการดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ว่าจริงๆ แล้ว จำเป็นหรือไม่ที่เฟอร์นิเจอร์จะต้องมีรูปลักษณ์ตามรูปแบบที่เป็นอยู่ ‘เซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์’ จึงเป็นการท้าทายรูปแบบของความเป็นเฟอร์นิเจอร์ โดยการจับต้นชนปลายสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะอันแปลกตาที่ต่างไปจากสุนทรียภาพแบบเดิมๆ

และหากมีคำถามว่า แล้วเฟอร์นิเจอร์เซอร์ๆ นี่มันต้องเป็นยังไงล่ะ? สำหรับผู้เขียนนั้นคงจะตอบว่าเป็นอะไรก็ได้ที่ยังตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานในฐานะเฟอร์นิเจอร์อยู่นั่นแหละ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของความ ‘อะไรก็ได้’ มากขึ้น เราจึงขอแนะนำลิสต์สุดเก๋ของเซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน

Boomerang Desk (1969/1970) by Maurice Calka

มาเริ่มต้นกันที่ โต๊ะบูมเมอแรง (Boomerang Desk) ผลงานการออกแบบของ Maurice Calka ศิลปินชาวฝรั่งเศส เฟอร์นิเจอร์ที่ยังคงฟังก์ชันของโต๊ะทำงานเอาไว้ แต่เปลี่ยนดีไซน์ให้ดูทะเล้น สนุกสนาน ด้วยการออกแบบเป็นรูปทรงของ ‘บูมเมอแรง’ วัตถุสุดสวิงที่ยิ่งเขวี้ยงแรงยิ่งกลับมาเร็ว และหนึ่งในความพิเศษของมันคือความลิมิเต็ดอิดิชั่นนั่นแหละ เพราะผลิตออกมาเพียง 40 ตัวในโลก ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ได้ครอบครอง คือ George Pompidou ประธานาธิบดีคนที่ 19 ของฝรั่งเศส นี่คงจะเป็นตัวอย่างของเซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์ ที่ดูเข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากโต๊ะทำงานทั่วๆ ไป 

PRATONE (1971) by Gufram

PRATONE (1971)

เชื่อได้เลยว่าถ้ามองด้วยตาเปล่า คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่าสิ่งนี้สร้างมาเพื่อเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ได้จริง นี่คือ PRATONE (1971) รูปลักษณ์ของเก้าอี้นอนหรือเบาะนั่งสุดแปลกตาที่ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ยุค 70’s ผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามหญ้าสีเขียวที่เปรียบเสมือนเบาะนั่งธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวัตถุที่สร้างจากสิ่งที่สังเคราะห์ขึ้นมา แสดงถึงสิ่งที่ขัดแย้งกันในเชิงประชดประชัน เรียกได้ว่าเป็นเก้าอี้ที่มีหน้าตาล้ำสมัยไปมากเมื่อเปรียบกับยุคที่มันถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา นี่ถือเป็นหนึ่งในสินค้าชูโรงที่รู้จักกันดีของ Gufram บริษัทเฟอร์นิเจอร์สุดแปลกแหวกแนวที่ท้าทายกรอบเดิมๆ ของเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว  

Surreal Furniture (2008) by Lila Jang

คอลเลกชัน Surreal Furniture (2008) โดย Lila Jang มีรูปลักษณ์เป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์ฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่ถูกเพิ่มเติมความเหนือจริงด้วยรูปทรงที่บิดเบี้ยวและพองโต เธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากปัญหาพื้นที่ใช้สอยที่มีอย่างจำกัดภายในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ของตัวในเองกรุงปารีส รวมถึงความต้องการของเธอที่อยากจะหลีกหนีออกจากกิจวัตรประจำวันที่จำเจในชีวิตจริง และจากดีไซน์ของโซฟาอันชวนฉงนนี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่บ่งบอกถึง ‘ความเหนือจริง’ ได้อย่างเด่นชัด มันทำให้ผู้เขียนนึกถึงผลงานอันโด่งดังของ Salvador Dalí หนึ่งในศิลปินลัทธิเหนือจริงที่มีชื่อเสียงที่สุด ภาพนั้นมีชื่อว่า The Persisitence of Memory (1931) เป็นรูปภาพของนาฬิกาเหลวที่กำลังหลอมละลายเป็นรูปทรงอันบิดเบี้ยว โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นเนยก้อนกำลังละลายหลังมื้ออาหาร สื่อถึงความไม่แน่นอนของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น

Spun Chair (2010) by Thomas Heatherwick

สำหรับ Spun Chair (2010) เป็นเก้าอี้หมุนได้ 360 องศา รูปทรงของมันทำให้นึกถึงลูกข่างยักษ์ได้ไม่ยาก ออกแบบโดย Thomas Heatherwick นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ตัวเก้าอี้ถูกดีไซน์เพื่อให้สามารถรองรับสรีระของผู้นั่ง ในขณะเดียวกันก็สามารถหมุนไปรอบๆ ได้อย่างสมมาตร เรียกได้ว่านอกจากเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อพักผ่อนแล้ว ยังสามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อความบันเทิง สนุกสนาน นับเป็นฟังก์ชั่นเก๋ๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจต้องการได้ดีทีเดียว

Straight Line Designs Inc. (since 1985)

Straight Line (1985)

จะเป็นยังไงถ้าเฟอร์นิเจอร์มีชีวิตขึ้นมา? นี่คืองานออกแบบของ Straight Line Designs Inc. สตูดิโอเฟอร์นิเจอร์สุดครีเอทีฟที่ตั้งอยู่ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดดเด่นด้วยรูปทรงของดีไซน์ที่แต่งเติมลักษณะเฉพาะของมนุษย์เข้าไป ทำให้ตู้ โต๊ะ หรือนาฬิกาลูกตุ้มดูเหมือนกำลังมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ และหากใครเป็นแฟนค่ายอนิเมชั่นอย่างดิสนีย์ แน่นอนว่าคงจะนึกเทียบเคียงถึงอนิเมชั่นเรื่อง Beauty and the Beast ได้ไม่ยาก โดยเนื้อหาในเรื่องเกี่ยวกับความรักของเจ้าชายอสูรกับหญิงสาว โดยมีบริวารของเขาที่ถูกสาปให้กลายเป็นสิ่งของที่มีชีวิตอยู่ด้วยนั่นเอง 

C! Bench / O! Stool (2024) by Oh!dinary

ถ้าจะบอกว่าเก้าอี้สแตนเลสเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สุดจะไทยคัลเจอร์ก็คงจะไม่ผิดนัก เรียกได้ว่าเป็นเก้าอี้สารพัดประโยชน์เลยทีเดียว ถูกเอามาใช้งานได้ทุกสถานการณ์ มีให้เห็นตั้งแต่ตั้งอยู่ริมข้างทาง ร้านอาหารข้าวแกง ไปจนถึงใช้สอยในครัวเรือน แต่ผลงานการออกแบบจาก Oh!dinary แบรนด์สัญชาติไทยก็ได้ผลิกโฉมให้เก้าอี้ที่ดูแสนจะธรรมดา กลายมาเป็นดีไซน์สุดป็อป กับ C! Bench ม้านั่งแคปซูลทรงลอน และ O! stool ซิกเนเจอร์ดีไซน์ที่ได้รางวัลการันตีจากเวทีระดับนานาชาติอย่าง Asia Architecture Design Awards ให้เป็นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดประจำปี 2024 นับว่าเป็นหมุดหมายที่ดีของงานเฟอร์นิเจอร์สัญชาติไทยที่จะโลดแล่นสู่สายตานานาชาติ รวมถึงเป็นการต่อยอดวัสดุที่สุดจะธรรมดา ให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าในท้องตลาดได้ด้วย

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความเป็นไปได้ของเฟอร์นิเจอร์แบบเหนือจริงนี้ การมีอยู่ของมันอาจจะเป็นสิ่งที่สามารถย้ำเตือนเราได้ว่า การลองแหกกฎออกมาจากสิ่งเดิมๆ ดูบ้าง เป็นการเปิดโอกาสเพื่อพบเจอกับความเป็นไปได้ใหม่ๆ เส้นทางใหม่ๆ หรือชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ที่เราเรียกได้เต็มปากว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการ โดยไม่ได้มีสังคมมาเป็นตัวกำหนด

เฉกเช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ จากยุคหินที่เป็นเพียงหินจัดวางให้รูปทรงคล้ายตู้ จากวัตถุที่มาประกอบกันเพื่อตอบสนองฟังก์ชัน และเริ่มมีดีไซน์ที่เปลี่ยนไปตามค่านิยมของยุคสมัย ซึ่งก็เป็นสิ่งน่าตื่นเต้นเหลือเกิน ที่การมาถึงของเซอร์เรียลลิสม์ เฟอร์นิเจอร์ เปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่อนุญาตให้เราสนุกกับมันได้อย่างไม่มีสิ้นสุด

Cross-Legged Chair (2017)
อ้างอิง
surrealistdigest.com‍
tate.org.uk‍
‍onlinedesignteacher.com‍
human.yru.ac.th‍
metmuseum.org‍
tate.org.uk‍
theartstory.org‍
ngthai.com‍
theaterseatstore.com‍
historicenvironment.scot‍
modernism.ro‍
collectiononline.design-museum.de‍
dezeen.com‍
aadawards.com‍
noveltystreet.com‍
stoolinc.com

‍

Read more
No items found.
Read more
No items found.
Archive
About Us
Collaborate with Us
Contact Us
Subscribe to EQ
Stay up to date with the latest stories
Thank you!
Oops! Something went wrong while submitting the form.