Menu.Menu.
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
story
photographer
published
days-since-publication
Thai
English
View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

สวรรค์นิมิต : สวรรค์ในนิมิตรของ ‘ แพรว ลักษณาพร ทาระพันธ์’ ที่ขอให้ได้เกิดเป็นลูกสาว และอิ่มเอมไปด้วยน้ำ โดยบ่ต้องขอฝนจากท่านอีก

แพรว นักเรียนฟิล์มที่สำเร็จการศึกษาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ผู้กำลังเดินทางตามเส้นทางการทำหนังสารคดี เธอเกิดที่ ยโสธร และย้ายมาเรียนและทำงาน อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ  ที่ไม่นิยามตัวเองว่าเป็น ‘คนทำหนัง’ เพราะไม่อยากเป็นคนทำหนังที่ทำสารคดี แต่เธอเป็น ‘คนทำสารคดี’

ย้อนมองเส้นทางการทำงานกว่าจะมาเป็น สารคดี ของแพรว ลักษณาพร ทาระพันธ์ มุมมองของแพรวต่อการทำสารคดีและภาพยนตร์ และการค้นหาตัวตนและเสียงของผู้คนอันหลากหลายผ่านการทำสารคดี อีกทั้งแพรวยังแลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวในครอบครัวที่เธอนำไปประกอบชิ้นส่วนจากความทรงจำจนกลายเป็นสารคดีที่อาจจะนิยามได้ว่า เป็นสารคดีลูกผสม (Hybrid Documentary) แต่เธอกล่าวว่า ‘สวรรค์นิมิต’ (A Ride to Isan Heaven) คือ ‘สารคดี’(Documentary)

‍

สวรรค์นิมิต

ภาพยนตร์ที่บอกเล่าภาพการตายและการเกิดใหม่ของคุณยายผ่านจินตนาการของหลานสาว แพรว ลักษณาพร ทาระพันธ์ เธอนึกถึงชีวิตของคุณยายที่ความฝันถูกพรากไปเพราะความแร้นแค้นของชีวิตและการต้องทำหน้าที่เป็นแม่และเมียในครอบครัว การสูญเสียที่เกิดขึ้นนำพาไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิตบนสวรรค์ สวรรค์ของคุณยายจะหน้าตาเป็นเช่นไร ชีวิตของผู้หญิงคนนี้จะงอกงามได้สวยงามเพียงใด เมื่อสวรรค์ไม่ใช่โลกความจริงที่ทำให้เธอต้องอยู่กับสิ่งที่สังคมมอบหมายให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทำ หากปราศจากสิ่งเหล่านั้นเธอจะสามารถเป็นอะไรมากกว่านั้นได้หรือไม่?

ภายในเรื่องไม่เพียงแต่นำเสนอเรื่องราวส่วนตัวของผู้หญิงในครอบครัวของแพรว แต่รวมถึงแฝงภาพทับซ้อนของพิธีมรณานุสติและพิธีบุญบั้งไฟ พิธีที่ทำสืบเนื่องมาตามวิถีของชุมชนอีสานเพื่อขอให้พระเจ้าช่วยดลบันดาลชีวิตที่มีสุขให้ผู้คนกับพิธีกรรม หากแต่ภาพทับซ้อนนั้นยิ่งเผยให้เห็นว่าการขึ้นสู่สวรรค์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสัญญาจากพระเจ้า หากแต่สามารถเกิดขึ้นได้จากภายในตัวตนของเราที่นำพาไปสู่จุดที่เราต้องการมีชีวิตอย่างอิสระ

‍

‍

“ความพิเศษของสารคดีคือได้คอนเนคกับคนและสร้างอะไรบางอย่างร่วมกัน”

‍

เริ่มสนใจทำสารคดีตั้งแต่ตอนไหน

แพรว :  ตอนเราเรียนวิชาทำสารคดี เราทำไฟนอลเรื่อง ‘ด้วยรักถึงกุหลาบ’ ช่วงนั้นโควิดไปถ่ายข้างนอกไม่ได้ เลยมองหาจากรอบตัว ช่วงนั้นเราเป็นงูสวัด แล้วน้าที่เสียไปแต่คนที่บ้านไม่เคยพูดถึงเลย เขาก็ตายเพราะงูสวัด เราเลยเลือกทำเรื่องของน้าคนนั้น หลังจากที่ทำหนังแล้วมีคนมาดูแล้วเค้าบอกว่ารู้สึก relate กับเรื่องนี้ เลยทำให้เราชอบทำสารคดี ทั้ง process ระหว่างที่ทำและหลังเอามาฉายทำให้ได้พูดคุยกับผู้คน

ทำไมสนใจทำสารคดีมากกว่าทำ fiction

แพรว :  การทำสารคดี มันมีความรู้สึกของการ contribute อะไรบางอย่างร่วมกัน สารคดีทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนั้นไม่ใช่ของเรา แต่เป็นการแชร์ร่วมกันกับทุกคนที่เข้ามามีส่วนรว่วม วิธีการทำงานของแพรวคือเวลาเจอคนหรือเรื่องที่ต้องการจะถ่ายทอดผ่านสารคดีแล้ว จะตกลงกันก่อนว่าคนนั้นอยากถูกถ่ายทอดอย่างไรในหนัง เหมือนเป็นกระบวนการที่ร่วมสร้างอะไรบางอย่างด้วยกัน

The making of สวรรค์นิมิตร

แพรว :  เราเล่ากระบวนการทำสารคดีแล้วกัน ของแพรวที่ผ่านมา ทำเกี่ยวกับการสูญเสีย ความทรงจำส่วนตัวที่เป็นลบมันยิ่งทำให้ต้องขบคิดในการสารคดีมากขึ้น ขอบเขตแบบไหนที่เล่าแล้วคนนี้จะรู้สึกปลอดภัย เราไม่ใช่เจ้าของของเรื่องเล่า เราจะทำยังไงให้มันเป็นพื้นที่ปลอดภัย และ shared value ร่วมกันตลอดการทำสารคดี ไม่ใช่แค่การหยิบฉวยเรื่องนี้ แต่มันคือการเดินทางแบบไหนที่เราจะไปด้วยกัน อย่างตัวแพรวเองไม่ได้เรียก subject ว่า subject แต่พวกเขาคือ contributor

ทำงานยังไงกับ CONTEIBUTOR ในเรื่องนี้

แพรว :  เริ่มต้นคือเราต้องทำหนังสั้นฟิคชั่น โดยเล่าผ่านตัวละครยาย ที่อิงจากยายของเราจริง ๆ ซึ่งตัวละครหนังสั้นมาจากคนที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับยายจริง ๆ แล้วให้มาร่วมจัดงานศพให้ยายพร้อมกัน แล้วให้พวกเขาลองรีแอคกับสถานการณ์นั้น ๆ เล่นกับบุคคลจริงและเส้นเรื่องที่สร้างขึ่้นมา และนำพิธีบุญบั้งไฟและพิธีขอฝนมาเล่าด้วย

ส่วนตัวเราคิดว่าประสบการณ์ใช้ชีวิตกับญาติพี่น้องที่เป็นผู้หญิงมันวุ่นวาย สนุกและอิ่มเอม เราเลยนึกถึงความเป็นฝน เพราะปกติขอฝนต้องขอจากเทพเจ้าบนสวรรค์

เราได้เขียนกลอนหนึ่งขึ้นตอนที่ส่งยายขึ้นสวรรค์ แล้วมันทำให้เรารู้สึกพอใจมากที่เกิดมาเป็นผู้หญิง รู้สึก fulfill กับการเติบโตและรายล้อมมาด้วยคนเล่านี้

‘ลูกขออธิษฐาน ขอพญาแถนโปรดเมตตา ดลบันดาลลูกข้าเป็นลูกสาว
เป็นเอื้อย เป็นเเม่หญิง และอิ่มเอมไปด้วยน้ำโดยบ่ต้องขอฝนจากท่านอีก’

แพรว : state of being ที่เรารู้สึกว่ายายรู้สึกจากการได้พูดคุยกับเราช่วงทำสารคดี

ยายรู้สึกดีใจมากที่มีลูกสาว ถึงตอนที่จะมีลูกก็พยายามจะมีลูกผู้ชายให้ได้

เล่าเรื่องชีวิตยายคือ ยายพยายามจะมีลูกที่เป็นผู้หญิงตลอด แต่ก็มีลูกสาวมาตลอด 5 คนเพราะตาก็อยากมีลูกชาย เขาก็พยายามมีกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงลูกคนสุดท้ายที่ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ แต่ยายก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยนะ

สรุปนี่คือการรวมพิธีกรรมมรณานุสติของยายกับพิธีบุญบั้งไฟ?  หรือช่วยเล่าโปรเสสได้ไหมว่าคิดอะไรในตอนนั้น

แพรว :  ก็แค่คิดเล่น ๆ และพยายามประติดประต่อกัน พิธีกรรมพวกนี้เป็นช่วงแรกที่เราคิดมาก่อนในหนัง และไปถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ fiction ซึ่งวิธีการทำฟิกชั่นของเรามันก็ค่อนข้างผสมผสานวิธีการของสาารคดีอยู่ เราเลยเอาห้วงความรู้สึกเหล่านั้นมารวมกันในหนัง

การส่งยายขึ้นสวรรค์ที่มีลูกสาวหลานสาวรายล้อม และการที่จะขอให้การเกิดใหม่ต่อไป ก็ยังขอให้ได้เกิดเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม

แพรว : พาร์ทแรก เป็นเรื่องของตัวเราที่ตั้งคำถาม เราใส่ท้องปลอมและชวนแม่กับยายคุยว่าตอนที่ตั้งท้องเป็นยังไง ซึ่งมาจากจินตนาการของเราที่นึกภาพตัวเองไม่ออกว่าจะเป็นแม่ยังไง เป็นการสารภาพกับที่บ้านเล็กน้อยว่า เราไม่ได้อยากมีลูก ตรงนี้เป็นพาร์ทเกิด ส่วนพาร์ทตรงกลาง เป็นพาร์ทที่ยายตายแล้วส่งขึ้นสวรรค์ ส่วนพาร์ทที่สาม เป็นความอยากจะสื่อสารกับยายที่ขึ้นสวรรค์แล้ว ทำบุญกรวดน้ำให้ผู้ล่วงลับแล้วก็อโหสิกรรมต่อกัน

‍

ความเป็นหญิงในสารคดีส่วนตัว

งานของแพรว เรื่อง ด้วยรักถึงกุหลาบ และ สวรค์นิมิตร มีความเป็นหญิง ในเรื่องเยอะมาก ทำไมสิ่งนี้ถึงออกมาในหนังได้อย่างเป็นธรรมชาติ

แพรว: เราโตมากับสภาพแวดล้อมที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ รู้สึกมีความทรงจำที่รายล้อมไปด้วยผู้หญิงเยอะ อย่างสารคดีเรื่อง ด้วยรักถึงกุหลาบ เล่าเรื่องถึงพี่น้องผู้หญิง ที่เล่าถึงน้องสาวคนหนึ่งที่จากไป ซึ่งเป็นการหยิบให้คนอื่นมาเล่าเรื่องนี้ แต่ว่า สวรรค์นิมตร เป็นเราเลือกเองว่าจะเล่าหนังสั้น fiction เรื่องหนึ่งโดยเล่าผ่านตัวยาย เราโตมากับยาย รู้สึกว่ายายหัวไวฉลาดและหัวก้าวหน้ามาก แต่ว่าสุดท้ายเค้าไม่มีโอกาสไปเรียนต่อ ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอยู่บ้าน เราเลยจินตนาการว่าสวรรค์ของยายจะเป็นยังไง ชีวิตในฝันของยายจะเป็นประมาณไหน สร้างด้วยวิธีการทำหนังสั้นเรื่องหนึ่งเลย คือเราเขียน scene คร่าว ๆ และชวนคนรู้จักในชีวิตยายมาจัดงานศพร่วมกันให้ยาย ส่งยายสู่สวรรค์

คิดว่าสารคดีต้องนำเสนอความจริงไหม

แพรว :  ไม่มีหรอกคำว่าสารคดีที่จริง แค่การตั้งกล้องถ่ายมันก็เหมือนการเลือกเฟรมแล้ว มันคือความจริงที่จริงแท้หรือเปล่า core ของสารคดีคือการถ่ายทอดความเป็นจริงบางอย่าง เลยรู้สึกว้าวมากเวลาได้ดูสารคดีที่ถ่ายทอดภาพและเสียงในทางเลือกอื่น ๆ

แพรว : เราชอบแนว observational มาก ๆ มันถ่ายยาก อาศัยความอดทนที่จะอยู่ตรงนั้นนานจนเรา immerse ไปกับพื้นที่

นึกถึงหนังที่ชอบเรื่องหนึ่งคือใช้ subtitle สลับกับ footage ที่เป็น archive ซึ่งจะใส่ซับไม่ตรงกับฉาก ฟุตเทจของคนแอฟริกันที่โดนถ่ายในยุคอาณานิคม ไม่มีการ narrate ขึ้นแค่ subtitle และเป็นเสียงใน archive แล้วก็มี subtitle ที่ถามกับ subject ว่า ‘นี่คือท่วงท่าที่เธออยากถูกบันทึกไว้ไหม?’ ซึ่งเรารู้สึกมัน contrast กันได้น่าสนใจดี ประมาณว่าเวลาที่เราตั้งกล้องถ่ายอะไร หรือใครสักอย่างหนึ่ง เราไม่ได้คำนึงว่าคนคนนี้อยากถูกถ่ายมั้ย เป็นเรื่อง power

หลังจากที่ สารคดีเรื่อง ด้วยรักถึงกุหลาบ และ สวรรค์นิมิตรของ แพรว ลักษณาพร ทาระพันธ์ ได้เดินทางไปหลายแห่งนอกเหนือจากในประเทศ เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ส่วนตัวและครอบครัวของเธอ ก็พาเธอเดินทาง และพบกับคนดูมากหน้าหลายตา อย่างเช่น ด้วยรักถึงกุหลาบ ได้เดินทางไปฉายที่ มาเลเซีย และโปรเจคภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอ  ก่อนปะทุและบุบสลาย ก็ได้พาเธอไปเยือน Docs by the Sea (DBTS) โปรแกรมประจำปีระดับนานาชาติจาก In-Docs ที่ตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวเอเชียผ่านห้องปฏิบัติการภาพยนตร์ (film labs) และเวทีการนำเสนอโครงการ (pitching forums) โดยเน้นไปที่สารคดี

แพรว : ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเรา เรื่อง ก่อนปะทุและบุบสลาย พูดถึงเรื่องประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ และความปลอดภัยของการอยู่แฟลต

เรื่องก็คือเราเติบโตมาในแฟลตที่พ่อเราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ในนั้น วันหนึ่งพ่อเราเล่าให้ฟังว่ามันมีกล้องแอบถ่ายอยู่ในห้องแฟลต

หลังจากนั้น เราเลยกลัวการอาบน้ำในห้องแฟลตของเราไปเลย และย้ายออกในท้ายที่สุด

เราเลยลองไปถามเด็กแฟลตคนอื่นว่าพวกเขาเคยได้ยินหรือประสบเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยไหม

หนังเรื่องนี้พาเราไปคอนเนคกับคนอื่น ๆ ก่อน ซึ่งเรารู้สึกว่าตรงนี้มันล้ำค่ามากเพราะมันทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว อยากให้หนังเรื่องนี้ช่วยตั้งคำถามว่าจะทำยังไงให้แฟลตหรือสวัสดิการของรัฐมันดีขึ้นและปลอดภัยที่เด็ก ๆ และลูก ๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นได้เติบโตขึ้น เพราะครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ และการอยู่แฟลตเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิต

แพรว: กระบวนการทำหนังเรื่องนี้ทรงคุณค่ากับเรามาก เราให้น้องที่อยู่ในแฟลตไปถ่ายฟุตเทจ แล้วมันเซอไพรสเรามากพอได้ฟุตกลับมา อย่างแก๊งเด็กผู้ชายมอปลาย พวกเขาถ่ายตอนไปเตะบอล ขับมอไซต์ กินหมูกระทะ หรือซ้อมยิงปืนกระสุนลมในบ้าน เหมือนพอเราเปิดแล้วได้รับอะไรกลับมาที่ไม่คาดคิด ซึ่งรู้สึกว่าตอนทำสาารคดีควรเป็นแบบนั้น

เราคิดว่าเราอาจจะมีธงในใจได้ แต่ว่าสุดท้ายเราต้องรอดูและเปิดโอกาสว่าหนังจะพาเราไปยังไงได้บ้าง

‍

ก่อนปะทุและบุบสลาย (Combusted and Destroyed) เป็นโปรเจคที่ถูกเลือกให้ไปเทศกาลหนังที่ cannes เมื่อเดือน  พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในโปรแกรม Short Film Corner ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิหนังไทย

แพรว : ตอนไปคานส์เรารู้สึกว่าดีที่ได้เห็นว่าหนังสารคดีโลกมันไปถึงจุดไหนหรือเรากำลังมีบทสนทนาอะไรกัน เราว่ามันคล้ายกันในเรื่องของ censorship การที่พูดถึงรัฐไม่ได้ หนังการเมืองก็จะขอทุนจากภาครัฐไม่ได้เหมือนกัน

เป็นเรื่องที่ชาวDOC ต้องสร้างคอมมูนิตี้ให้มันแข็งแกร่งคอยสนับสนุนกันและกัน

แปลว่าสารคดีก็มีอำนาจใช่มั้ย รัฐถึงกลัวการให้ทุน

แพรว:ความน่ากลัวของสารคดีคือมันเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความจริงหรือชุดความคิดบางอย่างที่ sensitive หรือ ใช้เป็นเครื่องต่อต้านกับองค์กรบางกลุ่ม ซึ่งเรามองว่าสารคดีควรจะยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองจะเล่า น่าเศร้าที่มันมี struggle ตรงนี้ การทำสารคดีเป็นเรื่องที่ยาก และไม่ใช่แค่ในไทยแต่ทั่วโลก

และการที่คนจะทำสารคดีได้มันต้องรู้สึกกับประเด็นนั้นมาก ๆ เวลาไปฟัง director statement ใน pitching forum ของ Docs By the Sea มันเลยทัชใจเรามาก

จริง ๆ หนังสารดคีในพื้นที่อุศาอาขเนย์ (South East Asia) มักจะเกี่ยวกับ ความตาย และการสูญเสีย อย่างเรื่องหนึ่ง เขาเล่าเรื่องคนสองคนที่เป็นเกย์มีเซ็กส์กัน แล้วหนังมันเล่าบทสนทนาหลังจากมีเซ็กส์ คนหนึ่งเป็นทหารเล่าว่า เขาฆ่าคนในสงคราม กับอีกคนหนึ่งสูญเสียคนในครอบครัวไปเพราะเผด็จการทหาร แล้วระหว่างเล่าอยู่ก็เป็นฉากเปลือยกายที่มันทำให้เห็นความเปราะบาง vulnerable ของมนุษย์ ซึ่งหนังฉายแค่ภาพพื้นที่ของห้องที่เกิดเหตุการณ์ที่พวกเขามีเซ็กส์กันเพียงเท่านั้น

หรืออีกเรื่องเป็นเรื่องของคนพม่าที่พ่อเป็นนักการเมือง แล้วช่วงนั้นเกิดรัฐประหาร แล้วพ่อเสียไป เล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและหลังจากการสูญเสีย แล้วเวลาฟังเรื่องแบบนี้มันเข้าใจ และมีความเชื่อมโยง(realate) กัน เพราะมันคล้ายกับบ้านเรา ประเด็นการโดนกดขี่จากรัฐ ,ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากรัฐ

เราเลยรู้สึกว่า หนังของคนเอเชีย หรือโดยเฉพาะ South East Asia ามันเต็มไปด้วยการต่อสู้และการสูญเสีย แต่มันเป็นสิ่งที่ยังต้องเล่าต่อเพราะมันเกิดขึ้นจริง

ถึงอย่างนั้น ทำไมถึงเลือกหยิบเรื่องธรรมดาสามัญมาเล่า ทำไมถึงคิดว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ มันเล่าได้ในสารคดี?

แพรว : เรารู้สึกว่าเราสนใจเรื่องของคนธรรมดา สมมติถ้าจะพูดถึงความยากจน เรื่องความตายกับการสูญเสียมันสามารถพูดถึงภาพใหญ่ได้ เรารู้สึกว่าเรื่องเล็กน้อยมันสำคัญ มนุษย์ต้องการเรื่องเล่าเพื่อเข้าใจชีวิต เราเลยสนใจเรื่องเหล่านี้ คนธรรมดา ชีวิตประจำวัน ที่มันเกิดขึ้นเพราะผลจากภาพใหญ่ หรือเรียกง่ายๆ คือการเมืองของรัฐ ที่มีผลต่อเราทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้น ๆ

คิดว่าการทำสารคดีในไทยเป็นอย่างไรบ้าง

แพรว : เรารู้สึกว่าคนทำเยอะขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี doc club พยายามเป็น information point มันมีความคึกคักมากขึ้น เรารู้สึกว่าช่วงนี้หรือหลังๆ มานี้มันมีการ explore คำว่าสารคดีกว้างมากขึ้น สารคดีอาจจะไม่ได้มีการจำแนกประเภทอะไร อย่างเราเคยถกกับเพื่อนว่าคำว่า hybrid / experimental documentary มันคืออะไร เราไป label มันเกินไปหรือเปล่า เพราะว่าสารคดีก็คือสารคดีในตัวของมันเอง

แพรว : อย่าง เรื่อง สวรรค์นิมตร ที่ถูกฉายกางจอก็มีคนพูดว่า “นี่มันไม่ใช่สารคดี” เราเลยกลับมาตั้งคำถามเหมือนกันว่าจริง ๆ แล้วคำว่า สารคดีคืออะไร?

‍

Read more
No items found.
Read more
No items found.
Archive
About Us
Collaborate with Us
Contact Us
Subscribe to EQ
Stay up to date with the latest stories
Thank you!
Oops! Something went wrong while submitting the form.